การทักทาย
 

 

    โดยส่วนตัวตอนนี้คิดว่าการทักทายแบบฉันท์พี่น้องในตอนนี้ไม่ค่อยได้พบเจอในสาขาของเรา รุ่นพี่เป็นหัวตอ รุ่นน้องเป็นหัวหลักไปเสียแล้ว ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อน สมัยตอนเข้ามาปีหนึ่งใหม่ไม่รู้ทำไม เมื่อก่อนจำได้ว่ารุ่นพี่ตั้งแต่ปี 4 ลงมานี่รู้จักเกือบหมด ถึงจะไม่เคยคุยแต่ก็เคยเห็นหน้าค่าตากันบ้าง ผิดกับสมัยนี้ เดินมานั่งซุ้มทีไรบางครั้งต้องถามเพื่อนใครวะนั่น มานั่งซุ้มเรา อ้าวรุ่นน้อง รุ่นพี่ของเรานั่นเอง ( เวรกรรม ) จำได้สมัยก่อนรุ่นพี่จะชอบนัดเรียกประชุมกัน ทำให้ต้องเจอกันระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้องกันบ่อยๆ สนิทกันดี ในความคิดของตัวเอง การที่เราจะนับถือ ชอบพอ ( แบบพี่น้องนะจ๊ะ )ใครสักคน อาจเป็นรุ่นพี่ หรือรุ่นน้องก็แล้วแต่ เวลาเจอกัน เดินสวนกัน อ้าวพี่หวัดดี พี่ไปไหน น้องไปไหน อะไรทำนองเทือกเนี่ย แค่นี้พอ ถือว่าเราทักทายกันแล้ว เราไม่จำเป็นที่จะต้องไปตามไหว้เค้าหรอก ไม่ใช่ศาลพระภูมิ (  แต่อันนี้ใครจะไหว้เพราะนับถือกันก็แล้วแต่ไม่ขอละเมิดลิขสิทธิ์ทางการกระทำละกัน ) นี่อะไรเดี๋ยวนี้แทบจะไม่มีให้เห็นเลย อยากจะบอกคุณๆ เอาไว้ว่า การที่คุณๆ รู้จักสัมมาคารวะ มันก็ดีกับตัวคุณเองครับ เวลาพี่ๆ น้องๆเค้าเจอเค้าก็ดีใจที่มีคนมาทัก ส่วนบางคนอาจจะคิดว่ามัยเราต้องไหว้ ( มันวะ ) อาจจะมีมาจากหลายๆ สาเหตุ แก่กว่าไอ่รุ่นพี่มั่ง เคยเรียกแล้วแต่มันไม่มอง ( อันนี้เคยเจอกะตัว ไหว้มันละ มันเห็นด้วยแต่มันหันหน้าหลบเลย ยังจำมันได้ไอ่รุ่นพี่หัว...ดอ... ) ก็เอาเป็นว่าถ้าไม่เป็นใบ้ ตาไม่บอดก็ทักกันมั่ง ส่วนไอ่รุ่นพี่คนไหนทักแล้วมันไม่มอง หากมันไม่รู้มองไม่เห็น ตาบอดชั่วขณะ ก็แล้วไปแต่ถ้ามันจงใจหลบ อย่าไปทักมันอีกเลยครับไอ่รุ่นพี่หัว..ดอ...พรรณนั้น ส่วนตัวเองปัจจุบันก็ทักคนไปเรื่อย หลับหูหลับตาทักมั่วมั่ง  ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นพี่ที่สาขา หรือแก่กว่า แต่ถ้าเป็นคนที่เรานับถือให้ไหว้ก็ยังได้

    เมื่อเร็วๆ นี้ได้เจอรุ่นน้องที่สถาบันเก่า เค้าก็ยังทักเราเหมือนเดิม ทั้งที่มันก็แก่กว่าเรา แล้วต่างคนก็ต่างจบจากสถาบันมาตั้งนานแล้วทั้งคู่ คือจะให้พูดไงดีล่ะระบบมันต่างกันอ่ะนะ ที่สถาบันเก่าเค้าถือรุ่นไม่แคร์ว่าคุณใหญ่มาจากไหน แก่มาจากไหน ซิ่วมาจากไหน แต่เข้ามาเรียนแล้วต้องรู้จักรุ่น เรื่องนี้สำคัญมาก ผิดกับตอนนี้ จุดนี้ เวลานี้ สถานที่นี้ เท่าที่พบเห็น รุ่นน้องปีนเกลียวรุ่นพี่ รุ่นพี่เอาเกลียวลงไปให้รุ่นน้องปีน มั่วกันไปหมด

 

 

กลับไปหน้าหลัก